ในยุคที่เทคโนโลยีทางด้านอุตสาหกรรมพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ถูกนำมาใช้แทนแรงงานมนุษย์มากขึ้น การสื่อสารและรับส่งข้อมูลที่แม่นยำและเสถียรจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนให้ระบบทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสาย “RS485” หรือ “สายไฟคอนโทรล” ก็เป็นองค์ประกอบหลักที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อสัญญาณ อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อสายสื่อสารให้มีคุณภาพ เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน และคุ้มค่าต่อการลงทุน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ดังนั้นในบทความนี้เราจึงมีเทคนิคและข้อแนะนำในการเลือกสาย “RS485” สำหรับงานอุตสาหกรรมมาฝากกัน
1. พิจารณาสภาพแวดล้อมและลักษณะการติดตั้ง
สภาพแวดล้อมและบริเวณที่จะติดตั้ง “สายไฟคอนโทรล” เป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง เพื่อเลือกสาย “RS485” ที่มีคุณสมบัติเฉพาะทนทานต่อสภาวะนั้นๆ ได้ เช่น
- ในที่ที่มีความชื้นสูง เช่น การร้อยท่อฝังดิน การเดินบนผิวดิน การเดินใต้หลังคา งาน solar farm ตัว conductor ควรทำจากทองแดงเคลือบด้วยดีบุกเพื่อป้องกันการเกิดสนิมทองแดง
- ตัวสายควรมีลักษณะเป็นสาย Twisted pair สำหรับวงจรที่ไวต่อการสูญเสียของสัญญาณ
- ฉนวนภายในควรทำจาก PE เพราะมีค่าความสูญเสียของสัญญาณน้อยกว่า PVC ถึง 130 ถึง 330 เท่า
- ถ้าติดตั้งในที่โล่งแจ้ง ต้องการสายทนแดด ทนUV และกันน้ำได้ เช่น สายชนิด PVC UV resistant ฉนวนจะมีสีดำ (สีเทาจะไม่ทนต่อ UV)
- กรณีที่มีสารเคมี น้ำมัน หรือวัตถุกัดกร่อน ควรเลือกสายที่มีเปลือกนอกทนสารเคมี เช่น สายที่ฉนวนทำจาก Rubber, PUR (Polyurethane)
- หากเป็นพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง ต้องเลือกใช้สายที่มีฉนวนทนความร้อนสูง เช่น สายที่ฉนวนทำจาก Silicone
นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงรูปแบบการติดตั้งด้วย ว่าจะร้อยท่อ วางราง หรือฝังดิน เพื่อเลือกสายให้เข้ากับวิธีการเดินสายนั้นๆ ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
2. กำหนดระยะทางและจุดเชื่อมต่อสัญญาณ
“RS485” สามารถส่งสัญญาณได้ในระยะทางค่อนข้างไกล และรองรับการต่อ Device ได้หลายตัว แต่ก็มีข้อจำกัดที่ต้องคำนึงถึง
- ระยะทางสูงสุดอยู่ที่ 1,200 เมตร ถ้าต้องเดินสายไกลกว่านี้ อาจต้องเลือกสายขนาดใหญ่ หรือเพิ่ม RS485 Repeater
- การเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมากบนสาย ต้องใช้สาย RS485 แบบ Low Capacitance (ฉนวนทำจาก PE) เพื่อลด Signal Distortion
3. เลือกขนาดสายให้เหมาะสม
ขนาดของสาย “RS485” ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการส่งข้อมูล ถ้าสายเล็กเกินไปก็จะเกิดแรงต้านสูง ทำให้สัญญาณอ่อนลง ถ้าใหญ่เกินไปก็ทำให้เปลืองงบประมาณเกินจำเป็น
Size mm2 ระยะเดินสายยาวที่สุด
Size : 24 AWG | mm2 : 0.21 | ระยะเดินสายยาวที่สุด : < 150 m
Size : 22 AWG | mm2 : 0.32 | ระยะเดินสายยาวที่สุด : < 300 m
Size : 20 AWG | mm2 : 0.52 | ระยะเดินสายยาวที่สุด : < 500 m
Size : 18 AWG | mm2 : 0.82 | ระยะเดินสายยาวที่สุด : < 800 m
Size : 16 AWG | mm2 : 1.31 | ระยะเดินสายยาวที่สุด : 1,200 m
Size : 14 AWG | mm2 : 2.08 | ระยะเดินสายยาวที่สุด : 1,200 m
Size : 12 AWG | mm2 : 3.31 | ระยะเดินสายยาวที่สุด : 1,200 m
Note : สัญญาณ “RS485” ถูกออกแบบเพื่อเชื่อมต่อได้ไกลสุด 1,200 เมตร
4. มาตรฐานการผลิตและความน่าเชื่อถือ
เนื่องจาก “สายไฟคอนโทรล” “RS485” เป็นอุปกรณ์สำคัญของระบบอัตโนมัติ จึงต้องใช้สายที่ผลิตโดยผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ และได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น ANSI/UL, IEC เป็นต้น ซึ่งเป็นการการันตีว่าผ่านกระบวนการทดสอบคุณภาพและความปลอดภัยตามข้อกำหนดแล้ว
นอกจากนี้ การเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง มีประวัติที่ดี มีการรับประกันสินค้า ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการลดความเสี่ยงจากการใช้สายไฟคอนโทรลคุณภาพต่ำได้ดีทางหนึ่ง
5. เปรียบเทียบคุณภาพและราคา
ปัจจัยด้านราคาถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่ไปกับคุณภาพ การเลือกซื้อสาย “RS485” คุณภาพต่ำราคาถูกเพื่อประหยัดต้นทุน อาจดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ดี แต่ก็มักจะส่งผลให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น สายเสื่อมเร็ว สัญญาณขาดหาย มีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขและเปลี่ยนสายอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแท้จริงแล้วอาจแพงกว่าการลงทุนกับสายคุณภาพดีตั้งแต่แรก
ทางที่ดี ควรเลือกสาย “RS485” ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งานของตน ผลิตตามมาตรฐาน และมาจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ แต่ก็ยังอยู่ในงบประมาณที่กำหนด ซึ่งอาจสูงกว่าสายทั่วไปบ้าง แต่ก็คุ้มค่ากับการลดความเสี่ยงจากการใช้สายเกรดต่ำ และยังได้ประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
Leave A Comment