ในปัจจุบัน ความปลอดภัยและประสิทธิภาพถือเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบและติดตั้งระบบไฟฟ้าในอาคารและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการเลือกใช้สายไฟและ “สายคอนโทรล” ที่มีคุณภาพสูง จะช่วยลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยและอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจร พร้อมทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไฟฟ้าได้อีกด้วย โดยหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็คือสาย “H07RN-F” นั่นเอง

“H07RN-F” คืออะไร และมีคุณสมบัติโดดเด่นอย่างไร

“H07RN-F” เป็นสายไฟทำจากยางทำให้ทนทาน ต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หนักหน่วง สามารถทนต่อการขูดขีด แรงกระแทก สารเคมี น้ำมัน และแสง UV ได้ดี โดยอุณหภูมิใช้งานอยู่ในช่วง -30 ถึง 60 องศาเซลเซียส

สาย H07RN-F ผลิตตามมาตรฐาน VDE ของเยอรมนี และ EN 50525-2-21 สามารถนำไปใช้เป็นสายไฟและ “สายคอนโทรล” ได้อย่างหลากหลาย ทั้งใน

งานอุตสาหกรรมทั่วไป การก่อสร้าง ภายในและภายนอกอาคาร / ในผนังคอนกรีตหรือใต้พื้นดินโดยไม่ต้องร้อยท่อ
ในสภาพที่มีฝุ่น ความชื้น และแสงแดดจัด เช่น งาน Pump น้ำที่ต้องแช่น้ำอยู่ตลอดเวลา
ใช้ในอุตสาหกรรมหนัก เพื่อรองรับแรงทางกลที่สูง เช่น ในเหมืองแร่ / งานเครื่องเสียงในเวทีคอนเสริ์ต
การห้อยตัวภายนอกโดยไม่ต้องใช้สลิงช่วย เช่น ในTower Crane / ระหว่างเสาไฟ

คุณสมบัติโดดเด่นของสาย “H07RN-F”

โครงสร้างตัวนำทองแดงเส้นเดี่ยวหรือหลายเส้นตีเกลียว
ฉนวนทำจากยางสังเคราะห์ Ethylene Propylene Rubber (EPR)
เปลือกนอกจากยาง PCP ที่มีความยืดหยุ่นและทนทาน
พิกัดแรงดันไฟฟ้าสูงสุด 450/750 V
ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานไฟไหม้ IEC 60332-1

“H07RN-F” เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในงานไฟฟ้า

ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นของสาย “H07RN-F” จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานไฟฟ้าที่ต้องการความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายและอันตรายที่อาจเกิดจากไฟฟ้ารั่ว ไฟฟ้าลัดวงจร รวมถึงช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของระบบไฟฟ้าได้อีกด้วย ดังนี้

ป้องกันการเกิดประกายไฟจากการชำรุดของสายไฟ ด้วยคุณสมบัติทนต่อการขูดขีด แรงกระแทก และความร้อนสูง
ช่วยป้องกันเพลิงไหม้จากการลุกลามของไฟ เนื่องจากสาย H07RN-F ผ่านการทดสอบการลามไฟตามมาตรฐานสากล
ลดความเสี่ยงในการเกิดไฟฟ้ารั่วแม้ในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น ด้วยฉนวนที่เป็นยางสังเคราะห์คุณภาพสูง
เพิ่มความสามารถในการส่งจ่ายกำลังไฟฟ้ามากกว่า PVC ทั่วไปอีก 1 ขนาดด้วยฉนวนภายในที่ทำจากยาง
เหมาะสำหรับใช้เป็นสายคอนโทรลในระบบควบคุมมอเตอร์ เครื่องจักร และระบบอัตโนมัติต่างๆ

สาย “H07RN-F” กับการป้องกันความเสี่ยงจากเพลิงไหม้และควันพิษ

อัคคีภัยเป็นอันตรายร้ายแรงที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล ซึ่งสาเหตุหนึ่งของการเกิดเพลิงไหม้ก็มาจากการลัดวงจรหรือชำรุดของสายไฟนั่นเอง

สาย “H07RN-F” ได้รับการออกแบบให้มีคุณสมบัติพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้และการแพร่กระจายของควันพิษ กล่าวคือ

เปลือกนอกผลิตจากสาร PCP ที่มีคุณสมบัติหน่วงการติดไฟ แม้ไฟจะลุกไหม้ก็จะดับได้เอง ไม่ลุกลามต่อ
ขณะลุกไหม้จะไม่มีการหยดของเปลวเพลิงจากเปลือกที่ละลายของฉนวน ลดการแพร่กระจายของไฟ

จากการทดสอบ สาย “H07RN-F” สามารถทนต่ออุณหภูมิเปลวไฟ 750-960 °C เป็นเวลา 3-6 ชั่วโมง โดยไม่เกิดการลุกลามของไฟ จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับงานที่ต้องเน้นความปลอดภัยอย่างสูง

การเลือกขนาดสาย “H07RN-F” ให้เหมาะสมกับโหลดไฟฟ้าและสภาพการใช้งาน

นอกจากคุณสมบัติความทนทาน ความปลอดภัยแล้ว การเลือกขนาดของสายไฟ “H07RN-F” ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าเลือกใช้ขนาดไม่เหมาะสมก็จะส่งผลให้ระบบทำงานไม่มีประสิทธิภาพ และอาจเกิดความเสียหายในระยะยาวได้ เมื่อต้องการเลือกสายไฟคอนโทรลหรือสายไฟกำลัง H07RN-F ให้พิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสาย ต้องไม่เกินพิกัดที่กำหนดของสายขนาดนั้นๆ
พื้นที่หน้าตัดของสายไฟ ต้องรองรับโหลดไฟฟ้าใช้งานได้เพียงพอ
แรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน ต้องไม่เกินพิกัดของสายไฟ “H07RN-F” ที่ระบุไว้
อุณหภูมิแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ โดยที่อุณหภูมิสูงควรเลือกขนาดสายใหญ่ขึ้น
การร้อยสายในท่อร้อยหรือบนรางเคเบิลหลายๆเส้น ควรเลือกขนาดสายใหญ่ขึ้น

ตัวอย่างเช่น

สำหรับระบบไฟฟ้าแรงดัน 220V โหลด 10A จะเลือกใช้สาย “H07RN-F” ที่รองรับกระแสได้ตั้งแต่ 13A ขึ้นไปคือขนาด 1.0 mm² (18A)
สำหรับระบบไฟฟ้าแรงดัน 380V โหลด 55A จะเลือกใช้สาย “H07RN-F” ที่รองรับกระแสได้ตั้งแต่ 71.5A ขึ้นไปคือขนาด 10 mm² (74A)

สรุปได้ว่า สาย “H07RN-F” เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับงานระบบไฟฟ้า ที่ต้องการทั้งความปลอดภัย ความทนทาน และประสิทธิภาพในการใช้งาน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการนำไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสูง หน้างานที่มีสภาวะแวดล้อมที่เลวร้ายด้วยแรงกระทำทางกลต่างๆ งานใต้น้ำ ดังนั้นหากต้องการความมั่นใจในคุณภาพของ “สายไฟคอนโทรล” ที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สาย “H07RN-F” ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยในการใช้งานระบบไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าสายไฟทั่วไปอีกด้วย